คุณกำลังมองหาอะไร?

ลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพและระดับความดันโลหิต ของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 2 พิษณุโลก

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

29.11.2566
58
1
แชร์
29
พฤศจิกายน
2566

เจ้าของผลงาน : น.ส.ศุกร์สกาว เขียนนุกูล
ปีงบประมาณ : 2567
วันที่ประกาศ : 29/11/2566

บทคัดย่อ

     โรคความดันโลหิตสูง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรทั่วโลกตายก่อนวัยอันควร และเป็นปัญหา ที่กำลังมีความรุนแรงมากขึ้น โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อน-หลัง (The one group pre-post test design) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพ และระดับความดันโลหิต ของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้รับบริการที่มีอายุระหว่าง 18-59 ปี  ที่มารับบริการตรวจสุขภาพประจำปี มีระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 130-139 มิลลิเมตรปรอท/85-89 มิลลิเมตรปรอท และยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยคัดเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) ตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 32 คน ได้รับโปรแกรมการจัดการตนเองที่ประยุกต์จากแนวคิดการจัดการตนเองของเคนเฟอร์และเกลิค-บายส์ (1988) ประกอบด้วยการดำเนินกิจกรรม 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1.การตั้งเป้าหมาย 2.การติดตามตนเอง 3. การประเมินตนเอง และ 4. การเสริมแรงตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่  โปรแกรมการจัดการตนเอง , คู่มือเส้นทางลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล , แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพ ,แบบประเมินความเครียด , เครื่องวัดความดันโลหิตแบบดิจิตอล , โทรศัพท์เคลื่อนที่ , แอพพลิเคชั่นไลน์ โดยเก็บข้อมูลระหว่าง เดือน ตุลาคม พ.ศ 2563 ถึง มีนาคม พ.ศ 2564 เป็นเวลา 6 เดือน วิเคราะห์ข้อมูล ทางสถิติด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบทางสถิติด้วยค่าทีแบบไม่อิสระ (T-test Dependent) ผลการวิจัยพบว่า

  1. หลังการทดลองกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=-6.41 , p = .001 )
  1. หลังการทดลองกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยความดันโลหิตซิสโตลิกลดลงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=2.69, p=0.01) และค่าเฉลี่ยความดันไดแอสโตลิกลดลงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=2.12, p=0.05)

           การศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าโปรแกรมการจัดการตนเองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นโรงพยาบาลสามารถนำโปรแกรมไปประยุกต์ใช้ในการสร้างเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตได้

คําสำคัญ : โปรแกรมการจัดการตนเอง , พฤติกรรมสุขภาพ , ระดับความดันโลหิตกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง

ไฟล์ที่เกี่ยวข้อง

menuscip ใหม่-น.ส.ศุกร์สกาว เขียนนุกูล.pdf
ขนาดไฟล์ 459KB
ดาวน์โหลด 12 ครั้ง
ดาวน์โหลด
แจ้งไฟล์เสีย

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน