กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
เจ้าของผลงาน : กชกร วัชรสุนทรกิจ
ลฎาภา อุตสม
วีรศักดิ์ พรหมมา
มาริสา อินสุข
ภูตะวัน ถิ่นปัญญาวงศ์
ปีงบประมาณ : 2567
วันที่ประกาศ : 02/08/2567
บทคัดย่อ
โรคขาดสารไอโอดีนเป็นภาวะที่ร่างกายขาดสารไอโอดีน กระทบต่อการผลิตไทรอยด์ฮอร์โมนส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางกายและสติปัญญา ทั้งยังกระทบต่อการทำงานอันปกติดของร่างกาย ดังนั้นสารไอโอดีนจึงมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ตลอดช่วงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยทารก วัยเด็ก หญิงตั้งครรถ์ และผู้สูงอายุ ปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนพบเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยมาอย่างยาวนาน การเฝ้าระวังสถานการณ์โรคเป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก ซึ่งกระบวนการเฝ้าระวังดังกล่าวได้มีการดำเนินการในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์เป็นประจำทุกปี แต่ในทางกลับกันในกลุ่มผู้สูงอายุจะดำเนินการในรูปแบบของ Cyclic monitoring วงรอบทุก 5 ปี ในการศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์โรคขาดสารไอโอดีน และศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารในกลุ่มผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยศึกษาข้อมูลแบบภาพตัดขวาง (Cross-sectional study) ได้สุ่มเลือกพื้นที่เป้าหมาย ทั้งหมด 30 หมู่บ้าน โดยวิธี Probability proportion to size คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม เก็บปัสสาวะตรวจหาค่าไอโอดีนคงเหลือในปัสสาวะ และตรวจคุณภาพเกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในครัวเรือน ผลการศึกษาพบว่าค่ามัธยฐานไอโอดีนคงเหลือในปัสสาวะยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน อยู่ที่ 67.50 µg/L อยู่ในช่วงอายุ 60-70 ปี ร้อยละ 60.5 เป็นเพศชาย ร้อยละ 81.6 จบการศึกษาระดับชั้นประถม ร้อยละ 84.9 ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพ ร้อยละ 59.9 มีความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว ร้อยละ 50.7 มีรายได้น้อยว่าหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน ร้อยละ 75.7 ส่วนมากแล้วจะมีเครื่องปรุงรสใช้อยู่ในครัวเรือนไม่ว่าจะเป็นเกลือ น้ำปลา และซีอิ้ว/ซอสปรุงรส ร้อยละ 99.3, 98.7 และ 90.1 ตามลำดับ มีเพียงเกลือ เป็นเครื่องปรุงรสชนิดเดียวเท่านั้นที่ผู้สูงอายุทราบว่าได้มีการเสริมไอโอดีน และใช้ปรุงรสเป็นประจำทุกวัน ร้อยละ 44.1 พฤติกรรมการบริโภคอาหารทะเลเช่น ปลา กุ้ง และปลาหมึก อยู่ที่ 1-3 วันต่อเดือน และส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.0 ประกอบอาหารทานด้วยตนเองที่บ้าน ผลการตรวจคุณภาพเกลือเสริมไอโอดีน พบว่าได้เกณฑ์มาตรฐานที่ 20-40 ppm ร้อยละ 86.2 และมีพฤติกรรมการเก็บรักษาเกลือด้วยวิธีการใส่ภาชนะปิดฝาสนิท ร้อยละ 82.2 ระดับความรู้เกี่ยวกับสารไอโอดีนในกลุ่มผู้สูงอายุ พบว่ามีระดับความรู้อยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 72.4 จากผลการศึกษาของกลุ่มประชากรตัวอย่างพบค่ามัธยฐานไอโอดีนคงเหลือในปัสสาวะต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด มีปัจจัยที่อาจกระทบต่อการบริโภคสารไอโอดีน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ครัวเรือนที่จำกัดการเข้าถึงอาหารทะเล ความตระหนักรู้เกี่ยวกับเครื่องปรุงรสเสริมไอโอดีนในครัวเรือน ความถี่ในของการใช้เครื่องปรุงรสในการประกอบอาหาร ระดับความรู้เกี่ยวกับสารไอโอดีนที่เอื้อต่อการสร้างความตระหนัก ในการแก้ไขปัญหาโรคขาดสารไอโอดีนในกลุ่มผู้สูงอายุ ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์สนับสนุนองค์ความรู้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องปรุงเสริมไอโอดีน ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การใช้เครื่องปรุงรสที่มีส่วนประกอบของสารไอโอดีน ร่วมกับให้องค์ความรู้ในการใช้เครื่องปรุงรสอย่างถูกต้อง และถูกปริมาณตามความต้องการต่อวันในกลุ่มผู้สูงอายุ ขับเคลื่อนการดำเนินงานชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน และเฝ้ารังสำรวจเกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในครัวเรือน ร้านค้า เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงสารไอโอดีนแก่กลุ่มผู้สูงอายุ ต่อไป
คำสำคัญ: ผู้สูงอายุ, สถานการณ์ภาวะขาดสารไอโอดีน, เฝ้าระวัง, พฤติกรรมการบริโภคอาหาร